ทำไม? สานุศิษย์ธรรมกายจึงรักวัด เหมือนบ้านของตน



หลายคนคงเคยอ่านกลอนบทนี้

'วัดจะดี มีหลักฐาน เพราะบ้านช่วย
บ้านจะสวย เพราะมีวัด ดัดนิสัย
บ้านกับวัด ผลัดกันช่วย ก็อวยชัย
ถ้าขัดกัน ก็บรรลัย ทั้งสองทาง'


เรามองเห็นภาพ จากบทกลอนบทนี้เหมือน
พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖ ที่ว่า

"ดินเย็นเพราะหญ้าบังและหญ้ายังเพราะดินดี"

วัดกับบ้านเป็นคนละส่วนกันต้องช่วย
เหลือเกื้อกูลกันจึงจะดีทั้งสองฝ่าย
จะขาดฝ่ายใดมิได้เหมือนหญ้ากับดิน
นี้คือบริบท ของสังคมไทย แต่เดิมมา

แต่ในส่วนของวัดพระธรรมกาย
ค่อนข้างเป็นพัฒนาการที่อบอุ่นซึ้งใจ
เพราะมีคนจำนวนมากกลับรู้สึกว่า

"วัดพระธรรมกาย คือบ้านหลังใหญ่
หรือบ้านหลังที่สองของตน ที่เข้ามา
แล้วรู้สึกอบอุ่น และมีความสุข"

ไม่ได้รู้สึกว่าวัดและบ้าน อยู่คนละส่วนกัน

ความรู้สึกแบบนี้ มิใช่ปลูกฝังได้ง่ายๆ
เพราะมิใช่ความนิยมแต่เป็นความรู้สึก
จากใจภายใน ที่ได้ค้นพบ แหล่งความสุข
ภายในที่แท้จริง ของตนเองแล้ว
ธรรมชาติของมนุษย์ หรือแม้แต่สัตว์
ใครสิ่งใดให้ความสุขแก่ตนก็มักจะรัก
สิ่งนั้นจนหมดหัวใจ

ถ้าเทียบกับความรู้สึกคนทั่วไป
"บ้านคือวิมานของเรา" 
แต่บ้านจะเป็นวิมานไม่ได้เลย
ถ้าในบ้านหลังนั้นขาดคนรัก
ที่เป็นแหล่งของความสุขทางใจ

คนรักวัดพระธรรมกาย ก็เช่นเดียวกัน
ก็เพราะวัดเป็นแหล่งความสุขของเขา
เขาจึงรักไม่น้อยกว่าชีวิตของตน เป็น
ความรักที่เหนือกว่าความรัก 

'นั่นคือรักเพราะวัดเป็นดวงประทีปส่องชีวิต'

#แต่จากประสบการณ์หนึ่งที่ได้พบ
สำหรับบางคนแล้ว ก็อาจจะมีเรื่องราว
ของอดีตชาติมาเกี่ยวข้องด้วย พิสูจน์
ตัวเองได้ไม่ยากถ้าก่อนที่จะเข้ามาวัด
ลึกๆจิตใจเหมือนรู้สึกเคว้งคว้างคล้าย
กำลังค้น หรือแสวงหาอะไรสักอย่าง
แต่ไม่รู้เหตุทำไมจิตใจจึงรู้สึกแบบนั้น

#แต่พอได้เข้ามาในวัดแล้วมีความสุข
และอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับ
คนหลงทางได้พบทาง คนพลัดพราก
จากบ้านไปนานได้กลับมาบ้านอีกครั้ง
ถ้าความรู้สึกเป็นแบบนี้ ก็แสดงว่าเป็น
เรื่องปัจจุบัน ที่เกี่ยวเนื่องกับอดีตชาติ

#ถ้าเป็นความรู้สึกของพระก็แสดงว่า
พระรูปนั้นได้บวชมาทุกภพทุกชาติจน
ความรู้สึกการเป็นนักบวชฝังลึกในจิต
ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็แสดงว่าคนนั้นเคย
เป็นกองเสบียง อุปถัมภ์พุทธศาสนา
ต่อเนื่องมาแล้วนับภพชาติไม่ถ้วน

#และคงเป็นอุปการะแก่โลกไม่น้อย
ถ้าหากจะมีการทำวิจัยอย่างมีคุณภาพ
เพราะอะไร? ทำไมคนที่เป็นสานุศิษย์
วัดพระธรรมกาย จึงทำบุญแบบทุ่มเท
และรักวัดเหมือนบ้านหลังที่ ๒ ของตน


ขออนุญาติเจ้าของภาพ








ทำไม? สานุศิษย์ธรรมกายจึงรักวัด เหมือนบ้านของตน ทำไม? สานุศิษย์ธรรมกายจึงรักวัด เหมือนบ้านของตน Reviewed by bombom55 on 02:12 Rating: 5

4 ความคิดเห็น:

  1. เหมือนมีชีวิตใหม้่่ ท่านสอนให้เรามีเป้าหมายชีวิตชัดเจน รู้จักการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และการสร้างความดีตลอดต่อเนื่อง

    ตอบลบ
  2. วัดเป็นแหล่งสร้างคนดี เมื่อเข้ามาแล้วนำหลักธรรมไปใช้ชีวิตก็มีความสุขมากขึ้น เข้าวัดมาสร้างบุญ ฝึกสมาธิทำใจให้สงบจากเรื่งอร้อนในชีวิตประจำวัน และมาวสวดธรรมจักรเอาบุญใหญ่กันด้วยครับ สวดธรรมจักรคือการแสดงพลังของชาวพุทธ------แสดงความบริสุทธิ์ด้วยเสียงสวดมนต์กังวาลใส**
    ชาวพุทธมีหลายสิบล้านแต่ไม่รวมใจ-------- คนภัยพาลจึงได้ใจรังแกใส่ร้ายและใสความ****
    ตามรังควานระรานไล่รื้อวัดจับสึกพระ----บรรพชนสละเลือดเนื้อพลีชีวิตอุทิศเพื่อพุทธศาสนา**
    เพียงเรามาช่วยกันสวดธรรมจักรเต็มอัตตรา----หลายสิบล้านจบร่วมใจกันจนปลื้มไม่รบกับใคร**
    ร่วมใจรวมพลังบุญมหากุศลขจัดภัย-------ไล่คนพาลจงแพ้พ่ายอกุศลกรรมของตนเอง***สาธุ

    ตอบลบ
  3. ทำไม? สานุศิษย์ธรรมกายจึงรักวัด เหมือนบ้านของตน
    ความจริงต้องพูดว่า รักวัดยิ่งกว่าบ้านของตน เพราะวัดพระธรรมกายเป็นแหล่งให้ความรู้คู่ความสุขได้มากกว่าที่บ้าน คือให้ความรู้ในการกำจัดทุกข์อย่างถูกวิธี และเป็นแหล่งให้ความสุข เพราะสอนวิธีเข้าถึงความสุขแท้จริงไม่อิงอามิส วัดพระธรรมกายจึงมีผู้สละเพศคฤหัสถ์มาบวชเป็นพระภิกษุสามเณร และเป็นอุบาสกอุบาสิกาผู้ห่มขาวไม่ครองเรือนมากที่สุดในโลก

    ตอบลบ
  4. เพราะวัดพระธรรมกายสอนให้เราทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ สวดมนต์ ที่รักและจิรงใจกับเรา จะส่งเสริมให้เราได้รวย หล่อสวย ฉลาดไปทุกชาติเอย.

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.